นมสด นมเปรี้ยว และโยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์นมที่คนไทยนิยมบริโภคแพร่หลาย จะด้วยแรงโฆษณา หรือจากการแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนาการก็แล้วแต่
อย่างไรก็ตาม แม้คนไทยจะนิยมรับประทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ค่อนข้างมาก แต่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังไม่รู้ว่าคุณค่าทางอาหารของผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าให้ฟังว่า นมที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมีคุณค่าทางอาหารแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตผสมสัดส่วนผลไม้ไว้ปริมาณเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคต้องการโปรตีนสูง ขอแนะนำผู้บริโภคเลือกดื่มนมจืดหรือนมสดและพร่องมันเนยมากกว่านมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต เนื่องเพราะขณะที่นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต มักจะมีส่วนผสมของผลไม้และน้ำตาลทำให้ผู้ดื่มได้คุณค่าทางอาหารน้อยกว่านมจืด
“นมที่วางจำหน่ายอยู่ทุกวันนี้ผ่านการรับรองจาก อย. นับได้ว่าเป็นอาหารปลอดภัย ทว่าผู้บริโภคที่กำลังเลือกผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มไม่ว่ายี่ห้อใดก็ตาม อยากให้อ่านฉลากด้านข้างบรรจุภัณฑ์ซะก่อนว่าแต่ละยี่ห้อมีสัดส่วนผสม นม ผลไม้ น้ำตาล จำนวนกี่เปอร์เช็นต์ ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุณและสมาชิกภายในครอบครัวได้รับคุณค่าจากนมอย่างแท้จริง” รศ.ดร.ประไพศรี แสดงความเห็นว่า ปัญหาของผู้บริโภคที่ผ่านมา มักจะเลือกซื้อสินค้าจากโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าอ่านฉลากด้านข้าง แล้วอีกประการหนึ่งผู้ผลิตจะเขียนส่วนผสมตัวเล็กมาก ขณะที่ชื่อยี่ห้อตัวใหญ่ ควรเพิ่มขนาดตัวอักษรใหญ่ขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคอ่านชัดเจนขึ้น
รศ.ดร.ประไพศรี กล่าวต่อว่า จริงๆ แล้วนมสามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัย และวัยที่ควรดื่มนมเพื่อเสริมความแข็งแรงของกระดูก ก็คือคนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนหรือหมดประจำเดือน เพราะช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่สูญเสียแคลเซียมในปริมาณมากดังนั้นต้องดื่มนมจะช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมแล้วช่วยให้กระดูกแข็งแรง ไม่บาง เปราะ หักง่าย ควรดื่มอย่างวันละ 1-2 แก้ว ถ้าจะให้ดีควรออกกำลังกายควบคู่ไปกับดื่มนมด้วย
ด้านสง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการระดับ 9 กรมอนามัย และที่ปรึกษาสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย นักโภชนาการประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว ที่รับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ หลายคนคิดว่าเป็นคนละชนิดกัน แต่ความจริงนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต มีกรรมวิธีการผลิตเหมือนกัน แต่แบ่งได้เป็น ชนิดครีม ที่เราเรียกว่าโยเกิร์ต และชนิดพร้อมดื่ม ที่เราเรียกว่านมเปรี้ยว
กล่าวคือ นมทั้ง 2 ชนิดเกิดจากการนำนมมาหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค ซึ่งจุลินทรีย์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและทำปฏิกิริยากับน้ำตาลแล็กโตส อันเป็นน้ำตาลธรรมชาติในน้ำนม และทำให้เกิดกรดแล็กติกที่มีรสเปรี้ยว โดยนมที่มีลักษณะเป็นครีมข้นเรียกว่า "โยเกิร์ต" แต่หากทำให้เหลวแล้วเติมน้ำตาล แต่งรสผลไม้เรียกว่า "นมเปรี้ยว"
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบแล้ว โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะมีเนื้อนมน้อยกว่า "นมสด" โดยนมสดมีเนื้อนม 100% โยเกิร์ต และนมเปรี้ยวจะมีเนื้อนมเพียงร้อยละ 70-85 ทำให้เมื่อพูดถึงเรื่องสารอาหารแล้ว โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะมีสารอาหารน้อยกว่า แต่ก็มีประโยชน์ในผู้ที่ไม่สามารถดื่มนมธรรมชาติได้ เพราะโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว จะช่วยสลายน้ำตาลแล็กโตส เป็นผลดีต่อการย่อยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย
ส่วนความนิยมในการดื่มนมเปรี้ยว และกินโยเกิร์ตเพื่อลดความอ้วนนั้น อาจารย์สง่าให้ความกระจ่างว่า การลดความอ้วนด้วยการกินเพียงนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตนั้น ไม่สามารถลดความอ้วนได้ เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารสูตรลดความอ้วนหรือกินยาลดความอ้วนเพียงอย่างเดียว ซึ่งทำให้วิถีธรรมชาติในการรับประทาน การใช้ชีวิตผิดไป อาจเห็นว่าได้ผลชั่วคราวในช่วงเวลาแรกที่ปฏิบัติ เพราะเป็นการเปลี่ยนวิถีธรรมชาติที่ควรจะเป็น แต่คนเราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ตลอดชีวิต เมื่อหยุดวิถีที่ผิดไปก็จะเกิด โยโย่ เอฟเฟ็กต์ ทำให้กลับมาอ้วนเหมือนเดิม
ที่สำคัญคือ ในนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตที่ขายทั่วไปนั้น มักผสมน้ำตาล น้ำเชื่อม ผลไม้ หากร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมดก็จะกลายเป็นแคลอรีแปรเปลี่ยนให้ร่างกายอุดมไปด้วยไขมัน แทนที่จะเป็นหุ่นสวยงาม แม้ว่าในนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตจะมีแร่ธาตุ โปรตีน วิตามิน ก็ตาม
ดังนั้น จึงแนะนำว่า การลดความอ้วนที่ถูกต้อง จึงต้องควบคุมอาหาร พร้อมการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นวิธีการสร้างสมดุลให้แก่ร่างกาย โดยควบคุมอาหารเพื่อไม่นำพลังงานส่วนเกินเข้าสู่ร่างกาย และออกกำลังกายเพื่อนำแคลอรีที่สะสมในร่างกายออกไป
อย่างไรก็ตาม แม้คนไทยจะนิยมรับประทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ค่อนข้างมาก แต่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังไม่รู้ว่าคุณค่าทางอาหารของผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าให้ฟังว่า นมที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมีคุณค่าทางอาหารแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตผสมสัดส่วนผลไม้ไว้ปริมาณเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคต้องการโปรตีนสูง ขอแนะนำผู้บริโภคเลือกดื่มนมจืดหรือนมสดและพร่องมันเนยมากกว่านมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต เนื่องเพราะขณะที่นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต มักจะมีส่วนผสมของผลไม้และน้ำตาลทำให้ผู้ดื่มได้คุณค่าทางอาหารน้อยกว่านมจืด
“นมที่วางจำหน่ายอยู่ทุกวันนี้ผ่านการรับรองจาก อย. นับได้ว่าเป็นอาหารปลอดภัย ทว่าผู้บริโภคที่กำลังเลือกผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มไม่ว่ายี่ห้อใดก็ตาม อยากให้อ่านฉลากด้านข้างบรรจุภัณฑ์ซะก่อนว่าแต่ละยี่ห้อมีสัดส่วนผสม นม ผลไม้ น้ำตาล จำนวนกี่เปอร์เช็นต์ ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคุณและสมาชิกภายในครอบครัวได้รับคุณค่าจากนมอย่างแท้จริง” รศ.ดร.ประไพศรี แสดงความเห็นว่า ปัญหาของผู้บริโภคที่ผ่านมา มักจะเลือกซื้อสินค้าจากโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าอ่านฉลากด้านข้าง แล้วอีกประการหนึ่งผู้ผลิตจะเขียนส่วนผสมตัวเล็กมาก ขณะที่ชื่อยี่ห้อตัวใหญ่ ควรเพิ่มขนาดตัวอักษรใหญ่ขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคอ่านชัดเจนขึ้น
รศ.ดร.ประไพศรี กล่าวต่อว่า จริงๆ แล้วนมสามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัย และวัยที่ควรดื่มนมเพื่อเสริมความแข็งแรงของกระดูก ก็คือคนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนหรือหมดประจำเดือน เพราะช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่สูญเสียแคลเซียมในปริมาณมากดังนั้นต้องดื่มนมจะช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมแล้วช่วยให้กระดูกแข็งแรง ไม่บาง เปราะ หักง่าย ควรดื่มอย่างวันละ 1-2 แก้ว ถ้าจะให้ดีควรออกกำลังกายควบคู่ไปกับดื่มนมด้วย
ด้านสง่า ดามาพงศ์ นักโภชนาการระดับ 9 กรมอนามัย และที่ปรึกษาสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย นักโภชนาการประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว ที่รับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ หลายคนคิดว่าเป็นคนละชนิดกัน แต่ความจริงนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต มีกรรมวิธีการผลิตเหมือนกัน แต่แบ่งได้เป็น ชนิดครีม ที่เราเรียกว่าโยเกิร์ต และชนิดพร้อมดื่ม ที่เราเรียกว่านมเปรี้ยว
กล่าวคือ นมทั้ง 2 ชนิดเกิดจากการนำนมมาหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค ซึ่งจุลินทรีย์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและทำปฏิกิริยากับน้ำตาลแล็กโตส อันเป็นน้ำตาลธรรมชาติในน้ำนม และทำให้เกิดกรดแล็กติกที่มีรสเปรี้ยว โดยนมที่มีลักษณะเป็นครีมข้นเรียกว่า "โยเกิร์ต" แต่หากทำให้เหลวแล้วเติมน้ำตาล แต่งรสผลไม้เรียกว่า "นมเปรี้ยว"
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบแล้ว โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะมีเนื้อนมน้อยกว่า "นมสด" โดยนมสดมีเนื้อนม 100% โยเกิร์ต และนมเปรี้ยวจะมีเนื้อนมเพียงร้อยละ 70-85 ทำให้เมื่อพูดถึงเรื่องสารอาหารแล้ว โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะมีสารอาหารน้อยกว่า แต่ก็มีประโยชน์ในผู้ที่ไม่สามารถดื่มนมธรรมชาติได้ เพราะโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว จะช่วยสลายน้ำตาลแล็กโตส เป็นผลดีต่อการย่อยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย
ส่วนความนิยมในการดื่มนมเปรี้ยว และกินโยเกิร์ตเพื่อลดความอ้วนนั้น อาจารย์สง่าให้ความกระจ่างว่า การลดความอ้วนด้วยการกินเพียงนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตนั้น ไม่สามารถลดความอ้วนได้ เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารสูตรลดความอ้วนหรือกินยาลดความอ้วนเพียงอย่างเดียว ซึ่งทำให้วิถีธรรมชาติในการรับประทาน การใช้ชีวิตผิดไป อาจเห็นว่าได้ผลชั่วคราวในช่วงเวลาแรกที่ปฏิบัติ เพราะเป็นการเปลี่ยนวิถีธรรมชาติที่ควรจะเป็น แต่คนเราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ตลอดชีวิต เมื่อหยุดวิถีที่ผิดไปก็จะเกิด โยโย่ เอฟเฟ็กต์ ทำให้กลับมาอ้วนเหมือนเดิม
ที่สำคัญคือ ในนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตที่ขายทั่วไปนั้น มักผสมน้ำตาล น้ำเชื่อม ผลไม้ หากร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมดก็จะกลายเป็นแคลอรีแปรเปลี่ยนให้ร่างกายอุดมไปด้วยไขมัน แทนที่จะเป็นหุ่นสวยงาม แม้ว่าในนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตจะมีแร่ธาตุ โปรตีน วิตามิน ก็ตาม
ดังนั้น จึงแนะนำว่า การลดความอ้วนที่ถูกต้อง จึงต้องควบคุมอาหาร พร้อมการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นวิธีการสร้างสมดุลให้แก่ร่างกาย โดยควบคุมอาหารเพื่อไม่นำพลังงานส่วนเกินเข้าสู่ร่างกาย และออกกำลังกายเพื่อนำแคลอรีที่สะสมในร่างกายออกไป