ทฤษฎี(ไม่)ใหม่...ยิ่งกินเยอะ น้ำหนักยิ่งลด!!!

เคยแปลกใจไหม!?! ว่ายิ่งอยู่ในโปรแกรมไดเอทเท่าไหร่ ก็ไม่เคยผอมได้ในระยะยาว หรือแม้น้ำหนักลดแล้วก็กลับมาอ้วนอีก บางทีเราอาจลดน้ำหนักผิดวิธี หรือรู้เรื่องโภชนาการที่ผิดๆ อยู่ก็ได้ เภสัชกรหญิง นันทวดี พิทยาพิบูลพงศ์ จาก บอดี้ ลิฟท์ อัพ ผู้มีปัญหาเรื่องความอ้วนมานาน มีคำแนะนำดีๆ ในการลดความอ้วนอย่างถูกวิธีโดยไม่ฝืนธรรมชาติมาฝาก
      
   
 ด้วยประสบการณ์ที่ลองผิดลองถูกจากการลดความอ้วนมาตั้งแต่วัยรุ่นไม่ได้ผล เภสัชกรหญิงจึงเริ่มต้นศึกษาหาวิธีการใหม่ๆ มาใช้ในการลดความอ้วน ซึ่งวิธีง่ายๆ ที่เธอค้นพบคือ การทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเน้นการทานโปรตีนเป็นหลัก
     
      “
หลายคนเชื่อว่าการอดอาหาร หรือทานแต่ผัก ผลไม้ทำให้ผอม จริงๆ แล้วไม่ถูกต้อง เมื่อเราอดอาหาร โดยเฉพาะ งดอาหารประเภทเนื้อสัตว์และไขมัน น้ำหนักตัวที่หายไปคือน้ำหนักของกล้ามเนื้อที่เป็นโปรตีน เมื่อเราไม่ทานโปรตีน ก็ไม่มีสารอาหารตรงนี้ไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เพราะฉะนั้น ถ้าเราอดอาหารเหมือนที่คลินิกลดความอ้วนแนะนำ น้ำหนักที่หายไป 2 กิโลกรัม คือน้ำหนักของกล้ามเนื้อเสีย 1 กิโลกรัม แต่ถ้าอดจนกระทั่งทนไม่ไหว แล้วทานไปแค่นิดเดียวน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก พอต้องอดอาหารอีกทีมันก็ลดได้ไม่เท่าครั้งแรกแล้ว เพราะเนื้อที่ของกล้ามเนื้อที่เผาผลาญนั้นหายไปหมดแล้ว
     
     
เภสัชกรหญิงอ้างอิงข้อมูลจากตำรานักโภชนาการต่างประเทศหลายเล่มที่เคยทดลองกับตัวเอง แม้แต่ทฤษฎีของ ดร.แอ็ทกินส์ที่ให้ทานแต่โปรตีนล้วนๆ ไม่ทานแป้ง แต่สิ่งที่ประสบกับทฤษฎีนี้คือ อาการปวดหัว เพราะร่างกายขาดคาร์โบไฮเดรต และมีโปรตีนมากเกินไป ส่งผลให้กรดในกระเพาะเยอะ เส้นเลือดหดเกร็ง จนกระทั่งเกิดโรคไมเกรนในที่สุด ดังนั้น เธอจึงสร้างวิธีทานอาหารในแบบฉบับของตัวเอง

     
      “
วิธีการลดน้ำหนักง่ายๆ คืออย่าอดอาหาร ผู้ที่ต้องการลดความอ้วนสามารถทานอาหารได้ทุกชนิด และต้องทานให้ครบทุกมื้อ แต่ขอให้เน้นโปรตีน เพราะโปรตีนมีสารที่เรียกว่ากลูคาร์กอน ซึ่งทำหน้าที่ทำให้น้ำตาลในเลือดขับออกมาใช้เป็นกลูโคส และทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับอินซูลินที่เอาน้ำตาลในเลือดมาเป็นไขมัน ในการทานโปรตีนทำให้เราสามารถขับของเก่าออกไปได้ด้วย แต่ถ้าเน้นคาร์โบไฮเดรตก็จะมีแต่ไขมันส่วนเกิน
     
     
หลักโภชนาการเกี่ยวกับอาหาร 5 หมู่ ที่เรามักได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในการลดความอ้วนคือ เน้นทานแต่ผักและผลไม้ ซึ่งมีเกลือแร่สูงนั้น จริงๆ แล้วมันสามารถลดได้ แต่น้ำหนักที่หายไปนั้นทำให้ร่างกายหลวม หน้าตอบ ตัวย้วย ไม่สดชื่น เพราะไม่มีโปรตีนไปเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
     
       “
ใครที่ชอบเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาใช้ โดยทานแต่ขนมปังกับน้ำผลไม้ในตอนเช้านั้น ทำให้อ้วนกว่าเดิม เพราะกลุ่มคาร์โบไฮเดรตใช้เวลาย่อยแค่ 40 นาที ให้อยู่ในรูปของกลูโคส ซึ่งกลูโคสจะเข้าสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญพลังงานเองไม่ได้ จึงต้องใช้อินซูลีนจากตับอ่อนพากลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อ เพื่อเผาผลาญเป็นหลังงาน แต่กิจกรรมของคนเราทุกวันนี้ต่างกัน ถ้าร่างกายไม่ได้ออกกำลังกาย กลูโคสก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมอยู่ในร่างกาย อีกทั้งเมื่อคาร์โบไฮเดรตย่อยเร็ว ร่างกายก็จะอยากทานอาหารเร็วมากขึ้น แต่ถ้าเราทานโปรตีนซึ่งใช้เวลาย่อยถึง 3 ชั่วโมง ทานควบคู่ด้วยในตอนเช้าร่างกายก็จะค่อยๆ ย่อยทำให้กลูโคสไม่สูงจนเกินไปเภสัชกรหญิงปรับความรู้เรื่องคาร์โบไฮเดรตให้เข้าใจได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
     
     
ส่วนส้มตำที่ใครคิดว่าเป็นเมนูหลักในการลดความอ้วนนั้น กลายเป็นอาหารที่ทำให้ช่วงต้นขาใหญ่ขึ้น เพราะความเค็มในส้มตำหรืออาหารรสเค็มจะมีโซเดียม ซึ่งจะอุ้มน้ำแล้วเข้าไปสู่ตับ แล้วจะถูกเก็บไปไว้ที่ช่วงล่างทำให้เกิดอาการบวม ดังนั้น ควรเลือกทานอาหารที่ไม่เค็มมาก
       
     
เภสัชกรหญิงแนะนำอาหารสูตรลดความอ้วนในแบบฉบับของตัวเองว่า หากใครชอบทานขนมปังกับนม ก็ควรทานไข่ หรือหมูปิ้งร่วมไปด้วย หรือจะเป็นโจ๊กเน้นหมูหรือเนื้อสัตว์

     

     
เธอแนะนำถึงการรับประทานไข่ว่า ไข่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ดังนั้น ควรรับประทานไข่วันละ 1-2 ฟอง สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจควรรับประทานไข่วันละฟองได้ เพราะในไข่มีคอเลสเตอรอล HDL ซึ่งดีต่อร่างกายซึ่งได้จากการออกกำลังกายและแหล่งอาหาร นอกจากนั้น การดื่มนมก็ควรเลือกดื่มแบบมีไขมัน เพราะทำให้อิ่มโดยไม่ต้องพึ่งไขมันจากคุ้กกี้ หรือขนมเค้ก
     
     
มื้อเที่ยงทานก๋วยเตี๋ยว แต่ต้องสั่งพิเศษเพิ่มเนื้อ เพิ่มผัก ขอเส้นน้อยๆ หรือทานเกาหลาพิเศษกับข้าวเปล่า 1 ถ้วย หรือหากใครที่ชอบอาหารหนักๆ ก็สามารถทานขนมจีนแกงเขียวหวานได้เลย เพราะกะทิทำให้เกิดการเผาผลาญเพิ่มขึ้นและอยู่ท้อง ทำให้อิ่มนาน ดังนั้น ใครที่เลือกทานแกงเขียวหวานไก่ ก็เลือกไก่เยอะๆ มะเขือเยอะๆ ขนมจีนน้อยๆ
     
     
สำหรับมื้อเย็น สามารถทานได้เป็นปกติ แต่หากใครที่อยากให้หน้าท้องยุบควรทานโปรตีนเยอะๆ เพราะร่างกายซ่อมแซมกล้ามเนื้อในช่วงเวลานอนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อฮอร์โมนในการเจริญเติบโตหลั่ง ก็จะนำพลังงานเก่าออกมาใช้ขณะซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ยิ่งนอนมาก ร่างกายจะผอมลงมาก เพราะฮอร์โมนจะมากตาม แต่หากทานแต่ผักก่อนนอน ร่างกายก็จะซ่อมแซมตัวเองได้ยาก
     
     
ส่วนอาหารที่เภสัชกรหญิงคนนี้แนะนำให้งด ในช่วงลดน้ำหนัก คือ น้ำผลไม้ต่างๆ ทั้ง 100% หรือแบบผสม เพราะมีน้ำตาลฟลุกโตส ทำให้ได้รับกลูโคสสูง และร่างกายก็จะอยู่ในสภาพสะสมไขมัน ทางที่ดีควรทานผลไม้แทนเพราะยังมีไฟเบอร์ที่เมื่อถูกย่อยแล้วจะค่อยๆ ปล่อยกลูโคสออกมา
     
     
ส่วนใครที่ชอบทานโยเกิร์ตในช่วงเช้า ควรทานไข่ดาว หรือเนื้อสัตว์คู่กันไปด้วยเพื่อเพิ่มปริมาณโปรตีนให้กับร่างกาย จะได้ไม่หิวเร็ว
     
     
ควรงดทานคุ้กกี้ เพราะมีทั้งแป้งและน้ำตาล แต่หากใครที่อดทานไม่ได้ก็ควรทานพร้อมกับนม ส่วนใครที่ชอบทานขนมหวาน หรือผลไม้ควรรับประทานหลังอาหารทันที เพราะเมื่อเลือกทานขนมหวานก็ควรลดปริมาณข้าวลง ที่สำคัญหากทานเนื้อสัตว์ก็ต้องทานควบคู่กับผักเสมอ เพราะไฟเบอร์ในผักจะช่วยดูดซับไชมันส่วนเกินออกไป
     
     
เพราะร่างกายต้องการโปรตีนอยู่ตลอดเวลา และเราต้องใช้สมองอยู่เสมอ เซลล์สมองต้องใช้โปรตีน ทั้งน้ำย่อยต่างๆ อย่างกลูคาร์กอนก็ต้องการโปรตีน อีกทั้ง ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ทำจากโปรตีน ทุกอย่างสร้างอยู่ตลอดเวลา โปรตีนเมื่อย่อยแล้วร่างกายยังไม่ได้นำมาใช้เป็นพลังงาน แต่จะถูกเก็บไว้เป็นพลังงานสำรอง เมื่อคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยแล้วร่างกายถึงจะนำมาใช้
     
     
ดังนั้นใครที่กำลังคิดลดความอ้วนด้วยการงดอาหารบางหมู่ จึงถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่การเลือกผอมด้วยการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้ได้ผล...
     
     
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า กล้าพอที่จะเปลี่ยนทัศนคติในการลดความอ้วนได้หรือไม่!?!