เดือนครึ่งลดได้ 8 กิโลด้วย Low Carb แบบไม่หิว

ผมสูง 183 cm. น้ำหนักก่อนลด 85.6 น้ำหนักหลังลด 77 กิโลกรัม
ระยะเวลา 45 วัน ปัจจุบันทานโลว์คาร์บมากว่า 1 ปีแล้วขอรับรองว่าไม่มีโยโย่ครับ

และนี่คือหลักการที่ผมใช้

1. งดคาร์โบไฮเดรตทุกชนิดอันได้แก่ ข้าว, ขนมปัง, แป้งและน้ำตาล
ตามที่เขียนไว้หน้า “หลักการพร่องแป้ง”ของ Lowcarb-thailand เลยครับ ถ้าอยากลดน้ำหนักสิ่งแรกที่คุณต้องทำคืองดคาร์โบไฮเดรตทุกชนิด เพราะคาร์บทำให้เกิดการสะสมของไขมัน

ถ้าเป็นหลักการที่ผมใช้ผมจะงดทั้งคาร์บที่ฟอกสีและไม่ฟอกสี รวมถึงขนมปังโฮลวีท

2. ทานโปรตีนอย่างน้อย 30 กรัมภายใน 30 นาทีหลังตื่นนอน
เมื่อเราตัดคาร์บสิ่งที่เพิ่มมาแทนคือโปรตีนและผักที่มีไฟเบอร์สูง

สำหรับอาหารมื้อแรกควรทานภายในครึ่งชั่วโมงหลังตื่นนอนทันที

เพราะเราทราบแล้วว่าช่วงที่เรานอนหลับร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ด้วยการดึงโปรตีนที่สะสมไว้ระหว่างวันไปใช้ในการทำงานดังกล่าว เมื่อตื่นนอนระดับโปรตีนในร่างกายจึงลดลง ดังนั้นการทานโปรตีนอย่างเพียงพอทันทีหลังตื่นนอนจึงเป็นการชดเชยส่วนที่ขาดหายไปจากกระบวนการดังกล่าว

ถามว่าแล้วมีประโยชน์อย่างไรต่อการลดน้ำหนัก
คำตอบคือ เมื่อร่างกายมีโปรตีนอย่างเพียงพอ สัดส่วนของกล้ามเนื้อต่อไขมันในน้ำหนักตัวที่เท่ากันจะเพิ่มมากขึ้น ไขมันในร่างกายจึงลดลง

แต่ปัญหาที่ผมพบคือ มื้อเช้าหาอาหารโปรตีนทานยาก ผมขอบอกว่าเราต้องเตรียมตัวครับไม่อย่างนั้นคงไม่พ้นอาหารคาร์บใกล้มือแน่โดยเฉพาะถ้าตอนเช้าต้องสาละวนรีบตื่นไปทำงาน ( ถ้าเป็นสมาชิกอาหารโลว์คาร์บของ SlimDelivery.com ก็ง่ายดีไม่ต้องคิดเมนู )

3. งดผลไม้, น้ำผลไม้และเครื่องดื่มที่ให้ความหวาน

ผลไม้มีสารให้ความหวานคือน้ำตาลฟรุกโทสซึ่งอันตรายกว่าน้ำตาลทรายเพราะเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวจึงดูดซึมได้เร็วกว่า
ผลไม้ที่เข้าข่ายต้องงดอาทิ กล้วย, ขนุน, มะม่วงสุก, ลำไย, ทุเรียน,เงาะ, ส้ม ถ้าจำไม่ได้ผมให้หลักการคือผลไม้ชนิดไหนรสออกหวานเป็นหลักงดให้หมด อันนี้ผมพูดรวมถึงน้ำผลไม้ด้วยนะครับ

4. หยุดพักอาทิตย์ละ 1 วัน
ข้อนี้อาจขัดกับความรู้สึกของหลายคน แต่อันที่จริงเราจำเป็นต้องบริโภคคาร์บเข้าสู่ร่างกายบ้างครับเพราะอย่างไรก็ตามคาร์บก็ยังเป็นหนึ่งในอาหารหลักห้าหมู่ ( อาหารหลักแปลว่าจำเป็นต่อร่างกายและขาดไม่ได้ )

วิธีที่ผมใช้คือ หยุดพักอาทิตย์ละวันซึ่งผมเลือกวันอาทิตย์ โดยจะกลับมาทานทุกอย่างตามปกติทั้งคาร์บรวมไปถึงของหวานด้วยในวันหยุดพัก เพื่อหลอกร่างกายไม่ให้เคยชินกับการไม่บริโภคคาร์บ มิฉะนั้นในระยะยาวร่างกายจะปรับตัวและน้ำหนักเริ่มไม่ลดลงถึงแม้ยังงดการบริโภคอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคุณจะรู้สึกไม่มีแรงครับเพราะคาร์บคือส่วนที่ให้พลังงานในร่างกาย พองดคาร์บไปนานๆจะรู้สึกมือสั่น ใจสั่น หมดแรงและรู้สึกท้อ

5. ทานให้อิ่ม
การลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บเป็น “การเลือกทานอาหาร” ไม่ใช่ “การลดปริมาณอาหาร“ ดังนั้นในแต่ละมื้อถ้าคุณมั่นใจว่าอาหารตรงหน้าตรงตามหลักการที่ผมบอกข้างต้น สิ่งเดียวที่คุณต้องทำก็คือ “ทานจนกว่าจะอิ่ม” ครับ

หลายคนรู้สึกเหมือนฝืนความรู้สึก แต่ผมอยากบอกว่าช่วงที่ผมลดน้ำหนักผมทานโปรตีนเยอะมากแล้วเน้นทานให้อิ่ม หลายคนเห็นผมทานไม่มีใครเชื่อว่ากำลังลดน้ำหนัก พอเราอิ่มเราก็อยู่กับโปรแกรมได้นานและตอนท้ายน้ำหนักผมกลับลดได้จริง จนตอนนี้เพื่อนในกลุ่มหันมาใช้วิธีลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บกันหมด

เมนูแนะนำ

อาหารเช้า

• ไข่ลวก, ไข่ตุ๋นหรือไข่ต้ม 2 ฟอง
• กาแฟดำ
• เครื่องดื่มเวย์โปรตีน
• ฮ็อทด็อกหรือขนมจีบตามเซเว่น (อันนี้มีแป้งผสมอย่าทานบ่อย)
• เกาเหลาลูกชิ้นเนื้อสด
• หมูปิ้งข้าวเหนียวไม่ต้อง
• น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลใส่เครื่องเยอะๆ

อาหารกลางวันและเย็น

• สเต็กทั้งหลายเลือกที่ไม่ติดหนังหรือติดมัน ( ห้ามพอร์คช็อพ, ทีโบนและหนังไก่ ถ้าเป็นไก่ให้เลือกชิ้นอก แล้วแจ้งกับพนักงานขอเปลี่ยนเฟรนช์ฟรายกับมันบดเป็นผักทั้งหมด )
• เกาเหลาพิเศษ ( ข้าวเปล่าไม่ต้อง )
• แหนมเนืองหรือปอเปี๊ยะสด ( ใช้แป้งห่อน้อยหน่อยเน้นผักไม่ต้องราดน้ำเยอะ
• สุกี้ไม่ใส่วุ้นเส้น
• ส้มตำไทย
• น้ำตกหรือลาบหมู
• ผัดไทยไร้เส้น
• ผัดซีอิ๊วไร้เส้น
• ไก่ต้ม ( ร้านข้าวมันไก่ ) หรือไก่ห้าดาว
• ตำข้าวโพด
• กุ้งแช่น้ำปลา
• ปลานึ่งจิ้มแจ่วหรือปลาลวกจิ้ม
• ลูกชิ้นปิ้งเลือกที่แพงหน่อยจะได้ผสมแป้งน้อย ( น้ำจิ้มไม่ต้องหรือนิดเดียว )

เมนูทั้งหมดสามารถทานร่วมกันได้ไม่จำเป็นต้องทานเพียงอย่างเดียว
อย่างที่บอกครับ “ทานจนกว่าจะอิ่ม” ในแต่ละมื้อ

เรียนถามต่อนะคะ ข้องใจนิดนึงว่า ทำไมในเมนูนะนำอาหารกลางวันที่ คุณ krisanajuta บอกว่า สเต็กทั้งหลายเลือกที่ไม่ติดหนังหรือติดมัน ในเมื่อเราต้องทานโปรตีนกับไขมันในหลักการของโลว์คาร์บในกรณีนี้เราทำไมต้องเลี่ยงเนื้อติดมันคะ / ขอบคุณค่ะ